วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นับถอยหลังWorldcup 2010

ทีมเด่น ทีมเต็งในแต่ละกลุ่ม
กลุ่ม จี





บราซิล


ไม่บอกก็ รู้ว่าทีมแซมบ้า-บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ลงเล่นฟุตบอลโลกทุกครั้งโดยมีเป้าหมายคว้าแชมป์อีกสมัย อยากจะได้ดาวอีก 1 ดวงติดที่หน้าอกเสื้อ คนเป็นกุนซืออย่างดุงก้า ที่เล่นฟุตบอลโลกมา 3 ครั้ง ก็รู้แก่ใจเช่นกันว่า อะไรที่ไม่ใช่แชมป์จะถือว่าล้มเหลว
เส้นทาง สู่แอฟริกาใต้
ความ โกรธ และผิดหวังของแฟนๆ อันเป็นปฏิกิริยา ที่มีต่อผลการแข่งขัน และฟอร์มของทีม ช่วงแรก เผยให้เห็นว่าแฟนแซมบ้า ตั้งความหวังไว้สูงแค่ไหน ทั้งที่จบรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ทำสถิติชนะ 9 เสมอ 7 และแพ้ 2 และได้สิทธิ์เล่นรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องลุ้น 3 เกมสุดท้าย แคมป์เขียวทองยังถูกประณามสาปส่ง หลังจากที่เสมอ 0-0 สามนัดติดในบ้าน ที่ทีมเจออาร์เจนติน่า, โบลิเวีย และโคลอมเบีย อย่างไรก็ตามทีมของดุงก้า มาติดเครื่องระเบิดฟอร์มร้อนตั้งแต่เมษายน 2009 ทำผลงานชนะ 5 เมรวด รวมการบุกไปกดอุรุกวัย 4-0 ที่มอนเตวิเดโอ และบุกไปชนะอาร์เจนติน่า 3-1 ที่โรซาริโอ และชัยชนะเหนือ "ฟ้าขาว" นี่เองทำให้บราซิล การันตีที่ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
นักเตะ ที่น่าจับตามอง
ยากยิ่ง กว่างมเข็มในมหาสมุทร ที่จะให้คัดนักเตะเก่งๆ 2-3 ตัวในทีมบราซิลที่ฝีเท้าเทพๆ ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามตลอดปี 2009 นักเตะที่ฟอร์มดี และเป็นแกนหลักของทีมก็คือ ชูลิโอ เซซาร์ ผู้ รักษาประตูจอมเซฟ กาก้า ที่ฟอร์มเฉียบในศึกฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ และ หลุยส์ ฟาเบียโน่ ดาวยิงระดับ เวิลด์ คลาส ที่ยิงคนเดียว 5 ประตู รวมสองประตูล้ำค่านัดชิงชนะเลิศรายการนี้ที่พบกับสหรัฐ
ผู้ จัดการทีม
ก่อนจะรับ จ๊อบคุมทีมชาติ ดุงก้า เคยเล่นให้ทีมชาติบราซิลทำศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว รู้ดีว่าการทำงานกดดันเพียงใด หลังจากที่เป็นแพะรับบาป กรณีทีมกระเด็นตกรอบ 2 ฟุตบอลโลก 1990 ดุงก้า ที่เป็นกัปตันทีมอีก 4 ปี ต่อมา พาบราซิลคว้าแชมป์โลก ที่สหรัฐ อเมริกาเป็นเจ้าภาพ และถึงจะถูกตั้งคำถามความสามารถในการเป็นโค้ช ดุงก้า ตอบโต้ข้อสงสัยด้วยการพาทีม แซมบ้า คว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2007, ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 และเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 โดยไม่ต้องลุ้นเหงื่อตก 3 นัดสุดท้าย
สถิติ
- บราซิล กำลังจะเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 19 ติดต่อกัน และก็เป็นทีมเดียวในจักรวาล ที่ร่วมมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทุกครั้ง
- บราซิล ยังเป็นประเทศเดียว ที่คว้าแชมป์โลก 5 สมัย สถิติจากการเล่นทั้งหมด 92 นัดคือ ชนะ 64 เสมอ 14 และแพ้ 11
- ช่วงระหว่าง 15 มิถุนายน 2008 ถึง 11 ตุลาคม 2009 ทีมเซเลเซา ไม่แพ้ใคร 19 นัด
วาทะ
"บราซิล ต้องรู้วิธีรับมือความคาดหวังจากการเป็นเต็งแชมป์ ต้องไม่ให้สิ่งนี้กดดันเรา เหมือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอันขาด" กาก้า กล่าวหลังจากที่ชนะอาร์เจนติน่า และได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย




โปรตุเกส

รองแชมป์ ยูโร 2004 และอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2006 โปรตุเกส คือทีมที่เล่นฟุตบอลได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กระนั้นพวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันนักในเวทีลูกหนังระดับ ชาติเลย โดยในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกแล้ว พวกเขาทำได้ดีที่สุดด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเท่านั้น และคราวนี้ก็หวังว่าพวกเขาจะทำได้ดีกว่าที่แล้ว ๆ มาทั้งหมดต่อไป

ด้าน คาร์ลอส เคยรอซ เทรนเนอร์เชื้อสายโมซัมบิกันของพวกเขานั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับประเทศแอฟริกาใต้เท่าไหร่นักแต่อย่างใดเลย เมื่อเขาเคยคุมทีมชาติ บาฟาน่ามาแล้วในช่วงปี 2000-2002 ที่ผ่านมา และมาคราวนี้ กับทีมที่ประกอบไปด้วยดาวเตะชั้นดีอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ,เปเป้ และ เดโก้ นั้น เคยรอซ รู้ดีทีเดียวว่าความคาดหวังที่มีต่อทีมนี้นั้นมีสูงแค่ไหนแน่นอน

เส้นทาง สู่ เวิลด์ คัพ

โปรตุเกส เริ่มต้นได้ไม่ดีเท่าไหร่นักในรอบคัดเลือก เมื่อพวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น จาก 5 นัดแรกในรอบดังกล่าว ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาถูกคาดหมายจะตกรอบไปอย่างแน่นอนเลยทีเดียว กระนั้นด้วยการเร่งฟอร์มกลับมาในช่วงโค้งสุดท้าย ประกอบกับการทำประตูได้ถึง 8 ลูก และไม่เสียสักลูกเดียวเลย ทำให้พวกเขาสามารถเร่งแซงขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 และคว้าสิทธิ์ไปดวลเพลย์ออฟได้ และในรอบดังกล่าวนั้นเอง พวกเขาต้องพบกับ บอสเนีย ซึ่งพวกเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป เมื่อเอาชนะทั้ง 2 นัด ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งหมด ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ แม้ว่าจะต้องลงเล่นโดยปราศจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมคนสำคัญไป เนื่องจากบาดเจ็บด้วยก็ตาม

ดาวเด่น ประจำทีม

ในขณะที่เหล่าแฟนบอลกำลังตื่นเต้น เกี่ยวกับความคาดหวังของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเวทีลูกหนังระดับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก นักเตะเจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ปี 2008 รายดังกล่าว มีผลงานที่ไม่ดีเท่าไหร่นักในรอบคัดเลือก เมื่อทำประตูไม่ได้เลยในการลงเล่นทั้งหมด 7 นัดในรอบดังกล่าวที่ผ่านมา กระนั้นด้วยความสามารถของซูเปอร์สตาร์จากค่าย เรอัล มาดริด ที่สามารถสร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับทีมได้แล้ว ก็คงไม่เป็นที่สงสัยแต่อย่างใดว่า เขาจะต้องเป็นคนหนึ่งที่จะถูกได้รับการจับตามองอย่างมากในฟุตบอลโลก 2010 ครั้งที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม โปรตุเกส ชุดนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันมากถึงเรื่องความแข็งแกร่งในแผงกองหลัง ทว่าด้วยความมุ่งมัน และจุดเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศของ เปเป้ และ บรูโน่ ก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของทีม เช่นเดียวกับเหล่ากองหลังที่เหลือ อาทิ โชเซ่ โบซิงวา และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มด้วยการทำงานอย่างหนัก และเพิ่มเติมในเรื่องของความเหนี่ยวแน่นด้วย เช่นเดียวกับ 2 มิดฟิลด์ประสบการณ์สูงอย่าง ซิเมา และ เดโก้ ที่ก็จัดได้ว่าเป็นดาวเด่นในที่ชุดนี้เช่นเดียวกัน

ผู้ จัดการทีม

คาร์ลอส เคยรอซ กุนซือของทีม เขาเคยมีประสบการณ์การนำทีมชาติโปรตุเกสชุดเล็กคว้าแชมป์เยาวชนโลกมาแล้วถึง 2 ครั้งติดต่อกันในปี 1989 และ 1991 ซึ่งในทีมชุดนั้น ลูกทีมของเขาก็ประกอบไปด้วยดาวเตะชั้นยอดมากมาย อาทิ รุย คอสต้า , หลุยส์ ฟิโก้ รวมไปถึง เฟร์นานโด เคาโต้ ด้วย และในทีมชุดดังกล่าวนี้เองก็ได้ถูกขนานนามว่า “The Golden Generation” หรือยุคทองที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว

ด้านในระดับทีมชุดใหญ่ เขาเคยร่วมงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะผันตัวไปรับงานเป็นนายใหญ่ของ เรอัล มาดริด อยู่ 10 เดือน และกลับมาร่วมงานกับบรมกุนซือชาวสก็อตต์เป็นคำรบ 2 อีกครั้ง หลังจากที่ถูกทีม ราชันชุดขาวไล่ออกมา และล่าสุดภายหลังจบศึก ยูโร 2008 ที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ หมดสัญญากับทางสมาคม พร้อมทั้งขอวางมือไปนั้น เคยรอซ ผู้ซึ่งเคยขึ้นมาชิมลางลองคุมทีมชุดใหญ่ของแดนฝยทองอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างปี 1991-1993 (พาทีมล้มเหลวไม่ได้เข้าร่วมในศึก ยูโร 92 และ ฟุตบอลโลก 94) มาแล้ว ก็ได้ตกลงรับงานคุมทีมชุดใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ในที่สุด ก่อนที่จะพาทีมเตรียมลงฟาดแข้งในศึกฟุตบอลโลก 2010 ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ที่จะถึงในช่วงกลางปี 2010 นี้ต่อไป

ผลงานที่ ผ่านมาในฟุตบอลโลก

ไม่น่าเชื่อว่าในปี 1966 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ โปรตุเกส ได้เข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกนั้น พวกเขาสามารถพาตัวเองคว้าอันดับที่ 3 ในหนนั้นได้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้ง ยูเซบิโอ ดาวเตะระดับตำนานของทีม ก็สามารถคว้ารางวัล รองเท้าทองคำหรือดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าในการเปิดซิงคราวนั้น จัดได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมฝอยทองในฟุตบอลโลกทุก ครั้งที่ผ่านมาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามภายหลังจาก เวิลด์ คัพ ในปีดังกล่าว ทีม ฝอยทองก็ไม่สามารถได้เข้าไปสัมผัสกับทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นี้ได้อีกเลย จนกระทั่งถึงปี 1986 ที่พวกเขาสามารถฟันฝ่าเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ ก่อนที่จะตกรอบไปในปีนั้น เช่นเดียวกับครั้งต่อมาในปี 2002 ที่ต้องกระเต็นตกรอบไปในจุดเดียวกัน ก่อนที่ปี 2006 หรือครั้งที่แล้ว ณ ประเทศเยอรมัน ที่ผ่านมา พวกเขาสามารถกรุยทางเข้าถึงรอบรองชนะเลิศมาได้ ก่อนที่จะไปพ่ายแพ้ให้กับ ฝรั่งเศส ในรอบดังกล่าว 0-1 พร้อมทั้งจบด้วยอันดับที่ 4 ด้วยการพ่ายให้เจ้าภาพ เยอรมัน ในเวลาต่อไป กระนั้นสำหรับ เวิลด์ คัพ หนนี้นี่ถือเป็นครั้งที่ 5 ของพวกเขาแล้วเช่นเดียวกัน

วาทะ

โปรตุเกส เป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ เรามีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ และเราก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่มากมายของเราแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆเลียดสัน กองหน้าจอมเก๋าของทีม กล่าวภายหลังจบเกม รอบเพลย์ออฟที่เอาชนะ บอสเนีย ฯ ได้สำเร็จ พร้อมทั้งคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ณ ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นที่เรียบร้อยในที่สุด




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น