วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นับถอยหลังWorldcup 2010

ทีมเด่น ทีมเต็งในแต่ละกลุ่ม
กลุ่ม เอช





สเปน


ทีมชาติสเปนเป็นที่รู้จักกันในฉายาซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่าคือ "La Furia Roja" มาจากคำที่ชาวอิตาลีเป็นผู้คิดขึ้นและนำมาใช้เรียกทีมชาตินี้ในภาษาของตนว่า "Furia Rossa" คำว่า "ฟูเรีย" (ความดุเดือด, ความโมโหร้าย) มาจากรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างรุนแรงของนักฟุตบอลสเปนในการแข่งขันนัดต่าง ๆ ที่ทีมชาติสเปนเข้าร่วมเป็นครั้งแรกที่เมืองแอนต์เวิร์ป (ประเทศเบลเยียม) และต่อมาก็ถูกนำมาใช้เรียกเหตุการณ์การปล้นเมืองแอนต์เวิร์ปของสเปนในสงคราม แปดสิบปี (ค.ศ. 1576) ซึ่งเป็นตำนานมืดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์การทหารของสเปนด้วย ส่วน "รอสซา" (สีแดง) มาจากสีของเสื้อทีม สำหรับในประเทศไทยนั้นทีมนี้มีฉายาว่า "กระทิงดุ"
เส้นทางสู่ แอฟริกาใต้
หลังจากเถลิงบัลลังก์แชมป์รายการใหญ่ในศึก ยูโร 2008 ที่เยอรมัน ก็ทำเอาบรรดาผู้คร่ำหวอดในวงการลูกหนังทั้งในอดีตและปัจจุบันหันมาจับตามอง ทีม “กระทิงดุ” ชุดนี้ในมุมมองที่ต่างไป จากที่เคยถูกปรามาสว่า เป็น หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม แต่ปัจจุบันสเปนยุคใหม่กลายเป็นทีมที่ใครก็อยากจะหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า พวกเขาเขียนหน้าประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ ด้วยการทำสถิติไม่แพ้ทีมใดติดต่อกันถึง 35 นัดเทียบเท่ากับทีมชาติบราซิล ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังสร้างสถิติโลกใหม่ด้วยการเป็นทีมที่เก็บชัยชนะ ติดต่อกันถึง 15 นัดทำลายสถิติเดิมที่บราซิล, ฝรั่งเศส และออสเตรเลียทำเอาไว้ที่ 14 นัดอีกด้วย
ทั้งหลายทั้งปวงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมชาติสเปนจะถูกจับตามองในการแข่ง ขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ผ่านมา สเปนนั้นอยู่ร่วมสายกับบอสเนีย, อาร์เมเรีย, เอสโตเนีย, เบลเยี่ยม และตุรกี พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าตำแหน่งแชมป์ยุโรปไม่ใช่ได้มาเพราะโชค ในรอบคัดเลือกนี้พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะรวดทั้ง 10 ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแบบสบายๆ
ความสำเร็จที่ เคยได้รับ
สเปนได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 12 ครั้ง และเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในฟุตบอลโลก ปี 1982 ผลงานที่ดีที่สุดที่ทีมชาติสเปนเคยทำได้นั้นคืออันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก ปี 1950 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล
ทีมชาติสเปนยังได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ฟุตบอลยูโร) 8 ครั้ง ครั้งสำคัญคือฟุตบอลยูโร ปี 1964 ซึ่งถือเป็นแชมป์ในบ้านตัวเองหลังจากเอาชนะสหภาพโซเวียตไป 2-1 แต่ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร ปี 1984 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส สเปนทำได้เพียงรองแชมป์เพราะแพ้ให้กับเจ้าบ้านด้วยคะแนน 2-0 และไม่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศอีกเลยจนกระทั่งในการแข่งขันฟุตบอลยูโร ปี 2008 สเปนก็ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จโดยพบกับเยอรมนีและคว้าแชมป์ไป ได้ในที่สุด
นักเตะที่น่า จับตา
ดาบิด บีย่า ซานเชซ (David Villa Sánchez) เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 ที่เมืองลังเกรโอ แคว้นอัสตูเรียส บีย่าเป็นเจ้าของฉายา "เอลกวาเฆ่" (El Guaje ในภาษาอัสตูเรียสแปลว่าเด็ก) เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ (Golden Boot) ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 ที่ผ่านมา ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรบาเลนเซียและทีมชาติสเปน ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลว่าเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าที่ครบเครื่องที่สุดของ สเปนนับตั้งแต่หมดยุคของราอูล กอนซาเลซ ปัจจุบันทำประตูให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ไปแล้ว 37 ประตูจากการลงเล่น 55 นัดคาดกันว่าอีกไม่นานเกินรอ บีย่า จะทำลายและสร้างสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลแซง ราอูล กอนซาเลซที่ทำเอาไว้ที่ 44 ประตูลงได้
ผู้ จัดการทีม
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ยอดกุนซือวัย 59 ปีรายนี้ เริ่มคุมทัพมาตั้งแต่ทีม"ราชันชุดขาว" ชุดบี ที่อยู่ในเซกุนด้า ดิวิชั่นบี ตั้งแต่ปี 1985 จนกระทั่งปี 1994 เขาได้มีโอกาสเข้าร่วมอยู่ในชุดสต๊าฟของทีมชุดใหญ่ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 ปี ในปี 1999 จากการที่กุส ฮิดดิ้ง โดนเด้งออกจากเก้าอี้กุนซือ ทำให้ทางบอร์ดบริหารได้ตัดสินใจให้โอกาสเดล บอสเก้ ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 44 ปี ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกของตัวเขาเอง ซึ่งผลงานในการคุมทีมชุดขาวของเขานั้นก็ถือว่าเข้าตากรรมการเป็นอย่างยิ่ง เขาพาทีมขึ้นสู่จุดสูงด้วยด้วยการกวาดแชมป์มาหลายรายการทั้งแชมป์ลาลีกา (2001, 2003) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (2000, 2002), สแปนิช ซูเปอร์ คัพ (2001), ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2002) และศึกชิงแชมป์สโมสรโลก โดยโตโยต้า (2002)
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เกิดที่เมืองซาลามันก้า สานต่องานของหลุยส์ อาราโกเนส ผู้ซึ่งทิ้งความสำเร็จด้วยการนำทีมกระทิงดุคว้าแชมป์ยูโร 2008 ด้วยบอลในสไตล์สวยงาม ครองบอลเหนียวแน่นเสียบอลยาก ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของฟุตบอลประเทศสเปนไปเสียแล้ว สเปนมักใช้มิดฟิลด์ชั้นเยี่ยมในการขับเคลื่อนทีม ซึ่งผลงานที่ออกมานั้น ก็ล้วนเป็นการเก็บเกี่ยวชัยชนะมาได้อยู่เสมอๆ ยกเว้น ฝันร้ายครั้งใหญ่ เมื่อตอนศึกคอนเฟดฯ ที่คุมทีมพ่ายให้กับ อเมริกา ชนิดยิงไม่ได้สักประตู 0-2 ครั้งเดียวเท่านั้น
วาทะ
เปเล่กล่าวว่าสเปนยุคปัจจุบันทำให้คิดถึงทีมชาติบราซิลที่คว้าแชมป์โลกที่ เม็กซิโกในปี 1970 ที่น่าสนใจก็คือว่าทีมเซเลเซาชุดนั้นคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหลังจากที่ชนะรอบคัด เลือกทุกนัด ความหมายของตำนาน "ไข่มุกดำ" ก็คือสเปนกลายเป็นทีมที่ไร้จุดอ่อนไปแล้ว
"ในวงการฟุตบอล ผมคิดว่าการไม่ยอมรับจุดด้อยก็คือจุดอ่อนในตัวของมันเอง ทุกๆ ทีมย่อมมีสิ่งนั้นอยู่และถึงแม้ว่าเราจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเวลานี้ มันก็มีสิ่งต่างๆ ที่เรายังต้องปรับปรุงกันต่อไป" ดาบิด บีย่า

ส่วนทีมที่เหลือในสายนี้ต้องลุ้นกันเอาเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น