วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นับถอยหลังWorldcup 2010

ทีมเด่น ทีมเต็งในแต่ละสาย
กลุ่มซี




อังกฤษ
ทีม “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ในช่วงหลายปีที่ผ่านถูกจัดว่ากำลังอยู่ในยุคทองของพวกเขาเลยทีเดียว ทว่าสำหรับพวกที่เป็นนักเตะชื่อก้องหลายคนที่ผ่านทัวร์นาเมนต์ในศึกฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2004 รวมไปถึงฟุตบอลโลกปี 2006 ที่ประเทศเยอรมันมาแล้วนั้น ฟุตบอลโลก 2010 ณ ดินแดนของประเทศแอฟริกาใต้หนนี้ บางทีนี่อาจจะโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วที่จะได้สัมผัสกับเกมลูกหนังที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ฟุตบอลโลก ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามการแต่งตั้ง ฟาบิโอ คาเปลโล่ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน ขึ้นมารั้งบังเหียนทีมนั้น ก็ได้สร้างแรงจูงใจใหม่ ๆ ให้ปรากฎขึ้นแก่ทีมเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังจากความล้มเหลวอันไม่เป็นท่าในยุคการคุมทีมของ สเวน-โกรัน อิริคส์สัน รวมไปถึง สตีฟ แม็คคลาเรน ที่ผ่านมาด้วย นอกจากนี้ในขณะที่ทัวร์นาเมนต์ที่ แอฟริกาใต้ กำลังจะเกิดขึ้นนี้ดังกล่าวนี้ ก็ดันไปตรงกับฤดูหนาวพอดีอีก ซึ่งนั่นจะช่วยให้พลพรรค “สิงโตคำรวม” ที่นำทัพมาโดย เดวิด เบ็คแฮม และผองเพื่อนนั้น จะสามารถทำผลงานได้อย่างเข้าฟอร์มเลยทีเดียว
เส้นทางสู่ แอฟริกาใต้ เวิล์ดคัพ 2010
ภายหลังจากความตกต่ำอันน่าผิดหวัง ด้วยการไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร ปี 2008 ที่ผ่านมานั้น อังกฤษ ก็สามารถกู้หน้ากลับมาด้วยการผ่านเข้ารอบมาเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ได้อย่างเฉียบขาด โดยพวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 9 เกม จากทั้งหมด 10 นัดในรอบคัดเลือกเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังยิงประตูได้สูงสำหรับโซนยุโรปถึง 34 ลูกอีกด้วย และแม้ว่าพวกเขาจะพลาดท่าพ่ายให้กับ ยูเครน ไป 1 นัดนั้น กระนั้นมันก็เป็นนัดที่ไม่มีความหมายแล้วอยู่ดี เนื่องจากพวกเขาได้ผ่านเข้ารอบไปแล้วก่อนหน้านี้นั่นเอง
ผู้จัดการทีม
ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือมากความสำเร็จชาวอิตาเลียนของทีม เขาเคยนำทีม เอซี มิลาน , อาแอส โรม่า และ ยูเวนตุส คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาได้ รวมไปถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในสมัยคุมทีม “ปีศาจแดง-ดำ” ด้วย นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่เขารับงานที่ประเทศสเปนกับ เรอัล มาดริด ใน 2 ช่วงที่ผ่านมานั้น เขาก็ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้ทั้งหมดทุกช่วงอีกต่างหาก ขณะที่กับ ทีมชาติอังกฤษ แล้ว เขาใช้เวลาเพียงไม่นานนักในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของทีมเสียใหม่ รวมไปถึงลดระดับอีโก้ของพวกซุปเปอร์สตาร์หลายคนลงด้วย ซึ่งจากผลงานการผ่านรอบคัดเลือกได้ก่อนที่จะหมดโปรแกรมในรอบดังกล่าวถึง 2 นัดนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงกึ๋น และฝีมือของ คาเปลโล่ ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ดาวเด่นประจำ ทีม
ในส่วนของกองหน้า ผู้ซึ่งทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ รวมไปถึงมีส่วนร่วมกับเกมอย่างมากมายนั้น คงจะหนีไม่พ้น เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน โดยในรอบคดเลือกที่ผ่านมา กองหน้าตัวเก่งผู้นี้ ซัดประตูคู่แข่งไปถึง 9 เม็ดเลยทีเดียว นอกจากนี้ในแผงมิดฟิลด์ “คู่หูดูโอ” อย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รวมไปถึง ปีเตอร์ เคราช์ ผู้ซึ่งกระหน่ำตาข่ายในรอบคัดเลือกทั้งหมด 4 , 3 และ 3 ประตูตามลำดับด้วยนั้น ก็เป็นอีกกลุ่มที่ถือได้ว่าเป็นดาวเด่นประจำทีม “ทรีไลออนส์” นี้ด้วยช่วยเดียวกัน โดยเฉพาะกับรายหลังที่ซัดประตูจำนวนดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่ลงเล่นไปเพียงแค่ 135 นาทีเท่านั้น
สถิติในฟุตบอล โลกที่ผ่านมา
อังกฤษ มีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกนี้มาทั้งหมด 11 ครั้งแล้ว ซึ่งก็รวมไปถึงการเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศบราซิล เมื่อปี 1950 ด้วย นอกจากนี้พวกเขาก็เคยคว้าแชมป์โลกมาแล้ว 1 สมัยด้วยกันในปี 1966 ซึ่งคราวนั้นพวกเขาเป็นเจ้าภาพ กระนั้นภายหลังจากความสำเร็จดังกล่าว ในปี 1990 ภายใต้การคุมทีมของ บ็อบบี้ ร็อบสัน ผู้ล่วงลับ ถือได้ว่าเป็นฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่พวกเขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่ สุดเลยทีเดียว ซึ่งทีมชุดนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นอย่าง แกรี่ ลินิเกอร์ , คริส วัดเดิ้ล , พอล แกสคอยน์ และ เดวิด แพล็ตต์ และทีมชุดนั้นก็ตกรอบรองชนะเลิศด้วยน้ำมือของ เยอรมันตะวันตก ในการดวลจุดโทษนั่นเอง
วาทะเด็ด
“ผมคิดว่าพวกเรามีสถิติของผลการแข่งขันที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่เราได้ผู้ จัดการทีมคนใหม่เข้ามา มันไม่มีอะไรเลยนอกจากการทำงานอย่างหนัก ความมั่นใจของเรามาจากการเล่นที่พวกเราสร้างกันขึ้น และวันนี้มันก็เป็นทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเรา เราผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้แล้ว และนี่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกด้วย กระนั้นเราก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้เดินหน้าต่อไปเช่นเดียวกันอยู่ดี” แฟรงค์ แลมพาร์ด กล่าวภายหลังจบเกมที่เอาชนะ โครเอเชีย 5-1 ซึ่งทำให้พวกผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ในที่สุด




สหรัฐ อเมริกา

ยูเอสเอ สหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งยอดทีมที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ซึ่งพวกเราสามารถคว้าอันดับหนึ่ง ของกลุ่มในรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ของโซนคอนคาเคฟมาได้ ภายใต้การนำทัพของกุนซือ บ็อบ แบรดลี่ย์ ซึ่งได้ประกาศศักดาเอาไว้จากทีมม้านอกสายตา กลายเป็นทีมที่อาจจะสอดแทรกเข้าไปรอบลึกๆ ได้อีกหนึ่งทีม โดยได้โชว์ฟอร์มให้เห็นเอาไว้ จากในทัวร์นาเม้นต์ คอนเฟดเดเรชั่นส์ คัพ ที่ผ่านมาแล้ว โดยได้อันดับสอง เบียดทีมชั้นนำอย่าง อิตาลี รวมถึง สเปน ตกกระป๋องไปโดยปริยาย

เส้นทางสู่ แอฟริกาใต้ เวิล์ดคัพ 2010

ทีม"แยงกี้" เริ่มต้นการคัดบอลโลก ด้วยการปราบสมันน้อย บาร์บาดอส ไป 9-0 รวม 2 นัด ในรอบ 2 ผ่านเข้ารอบฉลุย และในรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรก จับฉลากได้อยู่ร่วมกับ ตรินิแดดฯ, กัวเตมาลา และคิวบา ซึ่งสหรัฐ ก็คว้าอันดับหนึ่งของกลุ่ม ด้วยผลงานชนะเกือบทุกนัด มีพลาดบุกไปแพ้ ตรินิแดด 1-2 ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ยิงชนะก็ไม่ใช่ใคร ดไวท์ ยอร์ค ดาวยิงตัวแสบ อดีตหอกแมนยูนั่นเอง

หลังจากผ่านเข้ามารอบแบ่งคัดเลือดแบ่งกลุ่มรอบสุดท้าย พวกเขาก็ทำผลงานได้เสมอต้นเสมอปลาย เก็บชัยชนะได้อยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงนัดสุดท้าย ซึ่งเป็นการแย่งอันดับของ อเมริกา กับ เม็กซิโก โดยอเมริกาผู้นำจ่าฝูง มีอยู่ 19 แต้มเปิดบ้านดวลกับ คอสตา ริกา ส่วนทีมจังโก้ มีอยู่ 18 แต้ม บุกไปเยือนตรินิแดด ทีมแกร่งอีกทีมหนึ่ง ซึ่งในนัดนี้ หากมีใครเพลี่ยงพล้ำ อาจจะทำให้อันดับเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ซึ่งทีมแดนลุงแซม ก็เพลี่ยงพล้ำเสมอไป 2-2 แต่ทว่า ทีมเม็กซฺโก ก็พลาดเสมอกับตรินิแดด 1-1 เช่นกัน ดังนั้นเท่ากับว่า ยูเอสเอ ก็คว้าโควต้าทีมอันดับหนึ่งของโซนคอนคาเคฟเข้ารอบไปโดยปริยาย

ผู้จัดการทีม

บ็อบ แบรดลี่ย์ เริ่มต้นด้วยการไต่เต้า จากการเป็นผู้ช่วย เลื่อนระดับขึ้นนมาเป็นกุนซือชั่วคราว แล้วก็ได้มาคุมทีมชาติสหรัฐ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จนเลื่อนมาคุมทีมชาติชุดใหญ่เต็มตัวจนถึงปัจจุบัน ซึ่งฝีมือการจัดทัพของเขา ได้รับการจับตามอง ก็เมื่อในทัวร์นาเม้นต์ คอนเฟดเดเรชั่นส์ คัพนี่เอง ที่สามารถล้มยักษ์จากยุโรปอย่าง"กระทิงดุ" สเปน และผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ แม้นัดสุดท้ายจะแพ้ให้กับ บราซิล ทำได้แค่อันดับ 2 รองชนะเลิศก็ตาม

ดาวเด่นประจำ ทีม

ในระยะหลังๆ มานี้ นักเตะแยงกี้ที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร ก็คงหนีไม่พ้น แลนดอน โดโนแวน ยอดตัวรุกของทีมแอลเอ แกแล็คซี่ ที่เป้นกำลังหลักของทีมอยู่ตลอด รวมถึงโชว์ฟอร์มเฉิดฉายในทัวร์นาเม้นต์คอนเฟดเดเรชั่นส์ฯ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีปราการหลังห้าวเป้ง โอกูชี่ ออนเยวู ของทีมมิลาน คุมแดนหลังอยู่, ไมเคิล แบรดลี่ย์ มิดฟิลด์แกนหลักของ กลัดบัค, โจซี่ อัลติดอร์ จอมถึกสังกัดบียาร์เรอัล ที่ปัจจุบันถูก ฮัลล์ ซิตี้ ยืมตัวมา, ทิม โฮเวิร์ด โกลเด็กผีเก่า และ คลิ้นท์ เดมป์ซี่ย์ ผู้เล่นได้ทั้งปีกซ้าย, ขวา ของทีม"เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้รับการคาดหมายว่า น่าจำทะผลงานได้ดี ไม่น้อยหน้าที่เคยทำไว้ในศึกคอนเฟดฯ

สถิติในฟุตบอล โลกที่ผ่านมา

* อเมริกา เข้าร่วมบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 9 แล้ว เป็นรองแค่เพียง เม็กซิโกทีมเดียวเท่านั้น
* ฟอร์มที่ดีที่สุด ในการแข่งรอบสุดท้ายแต่ละครั้ง นั่นคือที่เคยทำไว้ในปี 1930 โดยผ่านเข้ารอบไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
* อเมริกา ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ส่วนในครั้งที่แล้ว ที่เยอรมนีปี 2006 ทีมลุงแซมตกรอบแรก

วาทะเด็ด

"พวกเราดีใจอย่างยิ่ง ที่ครองอันดับจ่าฝูง ของโซนคอนคาเคฟ เอาไว้ได้ พวกเราทำงานกันหนัก นี่เป็นผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ทุกครั้งที่เราลงสนาม พวกเราตระหนักอยู่เสมอว่า อะไร ทำให้เราก้าวมาได้ถึงจุดนี้ และเราก็จะเป็นอย่างนี้อยู่เสมอ ไม่หลงละเมอลืมตัวอย่างแน่นอน"บ็อบ แบรดลี่ย์ ผู้กุมบังเหียนทีมฟุตบอลเมืองลุงแซม กล่าวเอาไว้





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น