วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อันดับดาวซัลโว

บอลโลกตั้งแต่วันที่ 11-23มิ.ย.53 มียิงกันไปแล้ว36 ประตูเรามาดูอันดับดาวซัลโว ณ ปัจจุบันกัน

อันดับ นักเตะ ทีม จำนวน ประตู
1. กอนซาโล่ อิกวาอิน อาร์เจนตินา 3
2. อี จอง ซู เกาหลีใต้ 2
3. ดีเอโก้ ฟอร์ลัน อุรุกวัย 2
4. เอลาโน่ บราซิล 2
5. เบร็ตต์ โฮลมัน ออสเตรเลีย 2
6. ดาบิด บีย่า สเปน 2
7. หลุยส์ ฟาเบียโน่ บราซิล 2
8. เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ฮอลแลนด์ 1
9. ดักลาส ไมค่อน บราซิล 1
10. วินส์ตัน รีด นิวซีแลนด์ 1
11. โรเบิร์ต วิตเท็ค สโลวาเกีย 1
12. จี ยุน-นัม เกาหลีเหนือ 1
13. อันโตลิน อัลคาราซ ปารากวัย 1
14. เดิร์ค เค้าท์ ฮอลแลนด์ 1
15. ดานิเอเล่ เด รอสซี่ อิตาลี 1
16. เคซึเกะ ฮอนดะ ญี่ปุ่น 1
17. อซาโมอาห์ กียาน กานา 1
18. ลูคัส โพดอลสกี้ เยอรมัน 1
19. โรเบิร์ต โคเร็น สโลเวเนีย 1
20. มิโรสลาฟ โคลเซ่ เยอรมัน 1
21. โธมัส มุลเลอร์ เยอรมัน 1
22. คาเคา เยอรมัน 1
23. สตีเว่น เจอร์ราร์ด อังกฤษ 1
24. พาร์ค ชี-ซอง เกาหลีใต้ 1
25. คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ สหรัฐฯ 1
26. กาเบรียล ไอน์เซ่ อาร์เจนตินา 1
27. ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า แอฟริกาใต้ 1
28. ราฟาเอล มาร์เกซ เม็กซิโก 1

สรุปตารางคะแนน ต่อ3

Group G
Team MP W D L GF GA PTs
บราซิล 2 2 0 0 5 2 6
โปรตุเกส 2 1 1 0 8 1 4
ไอวอรี่ โคสต์ 2 0 1 1 2 4 1
เกาหลีเหนือ 2 0 0 2 1 9 0
Group H
Team MP W D L GF GA PTs
ชิลี 2 2 0 0 2 0 6
สเปน 2 1 0 1 2 1 3
สวิตเซอร์แลนด์ 2 1 0 1 1 1 3
ฮอนดูรัส 2 0 0 2 0 3 0

สรุปตารางคะแนน ต่อ2

Group E
Team MP W D L GF GA PTs
ฮอลแลนด์ 2 2 0 0 3 0 6
เดนมาร์ก 2 1 0 1 2 3 3
ญี่ปุ่น 2 1 0 1 1 1 3
แคเมอรูน 2 0 0 2 1 3 0

Group F
Team MP W D L GF GA PTs
ปารากวัย 2 1 1 0 3 1 4
อิตาลี 2 0 2 0 2 2 2
นิวซีแลนด์ 2 0 2 0 2 2 2
สโลวาเกีย 2 0 1 1 1 3 1

สรุปตารางคะแนน ต่อ

Group C
Team MP W D L GF GA PTs
สหรัฐอเมริกา 3 1 2 0 4 3 5
อังกฤษ 3 1 2 0 2 1 5
สโลเวเนีย 3 1 1 1 3 3 4
แอลจีเรีย 3 0 1 2 0 2 1

Group D
Team MP W D L GF GA PTs
เยอรมัน 3 2 0 1 5 1 6
ออสเตรเลีย 3 1 1 1 3 6 4
กานา 3 1 1 1 2 2 4
เซอร์เบีย 3 1 0 2 2 3 3

สรุปตารางคะแนน

Group A
Team MP W D L GF GA PTs
อุรุกวัย 3 2 1 0 4 0 7
แอฟริกาใต้ 3 1 1 1 3 5 4
เม็กซิโก 3 1 1 1 3 2 4
ฝรั่งเศส 3 0 1 2 1 4 1
Group B
Team MP W D L GF GA PTs
อาร์เจนตินา 3 3 0 0 7 1 9
เกาหลีใต้ 3 1 1 1 5 6 4
กรีซ 3 1 0 2 2 5 3
ไนจีเรีย 3 0 1 2 3 5 1

วิเคราะห์บอลคืนนี้ ต่อ

GROUP E
แคเมอรูน - ฮอลแลนด์
วันที่ : 24 มิถุนายน 2553
เวลา : 01:30 น.
ถ่ายทอดสด : ช่อง 7
TEAM TEAM
แคเมอรูน VS. ฮอลแลนด์
แคเมอรูน ของ ปอล เลอ กูแอ็น เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพทีม ซึ่งจากการที่จะเป็นนัดสุดท้ายในฟุตบอลโลก ทำให้ เลอ กูแอ็น น่าจะจัดทีมชุดใหญ่เต็มที่ เพื่อพยายามเก็บแต้มให้ได้
เลอ กูแอ็น จะไม่มีการเปลี่ยนทีมมากนัก อเล็กซานเดอร์ ซง มิดฟิลด์ตัวเก่งจากอาร์เซน่อล จะลงตัวจริงต่อหลังถูกดร็อปในเกมแรก เช่นกันกับ ซามูเอล เอโต้ ดาวยิงกัปตันทีม ที่จะลงยืนหน้าเป้า
ส่วน ตำแหน่งนายทวาร ซูเลย์มานู ฮามิดู นายทวารวัย 36 ที่ได้ลงสนามในฐานะมือหนึ่งมา 2 เกม อาจจะถูกแทนที่โดย อิดริสส์ คาร์ลอส กาเมนี ประตูจากเอสปันญ่อล ซึ่งเป็นเจ้าของตำแหน่งเดิมตลอด 7 ปีหลัง ให้ลงเป็นตัวจริงบ้าง
ระบบ 4-2-3-1 คาร์ลอส กาเมนี เฝ้าเสา แนวรับมี สเตฟาน เอ็มเบีย, นิโคลัส เอ็นคูลู, เซบาสเตียน บาสซง และ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ กลางรับใช้ อเล็กซานเดอร์ ซง คู่ เอยอง เอโนห์ ให้ เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป, ปิแอร์ เวโบ และ อาชิลล์ เอมาน่า เดินเกมรุก ส่วน ซามูเอล เอโต้ ค้ำหน้าเป้า
:
เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือทีมกังหันสีส้ม น่าจะมีการเปลี่ยนทีมมากทีเดียว หลังจากเข้ารอบไปเรียบร้อยแล้ว แถมการเน้นเอาผลชนะเพื่อเป็นแชมป์กลุ่ม ก็อาจทำให้ต้องตัดกับของแข็งอย่างแชมป์เก่า อิตาลี ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งมีสิทธิ์สูงในการเข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 กลุ่มเอฟ ด้วย
อา ร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวเก่งจากบาเยิร์น มิวนิค น่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงบ้างแล้ว หลังมีปัญหาบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าในระหว่างเตรียมทีมลุยบอลโลก แต่ฟิตกลับลงซ้อมตลอดช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา
เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล แบ็กขวา กับ ไนเจล เดอ ยองก์ กลางรับ จะถูกพักแน่นอนหลังจากมีใบเหลืองติดตัว
ที่เหลือน่าจะมีการ ส่งสำรองลงหลายราย ในระบบ 4-2-3-1 ของถนัด มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ลงเฝ้าเสาต่อ แนวรับเหลือ จอห์น ไฮติงก้า ไว้เป็นหลัก และมี คาลิด บูลาห์รูช, อังเดร ออยเยอร์ และ เอ็ดสัน บราฟไฮด์ ลงเล่นร่วม ขณะที่ มาร์ค ฟาน บอมเมล จะลงตัดเกมคู่ เดมี่ เดอ ซูว์ ให้ อาร์เยน ร็อบเบน ออกสตาร์ทตัวรุกร่วมกับ อิบราฮิม อเฟลลาย และ เอลเยโร่ เอเลีย และมี คลาส-ยาน ฮุนเตลาร์ ยืนหน้าเป้า

คาร์ลอส กาเมนี - สเตฟาน เอ็มเบีย, นิโคลัส เอ็นคูลู, เซบาสเตียน บาสซง, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - อเล็กซานเดอร์ ซง, เอยอง เอโนห์ - เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป, ปิแอร์ เวโบ, อาชิลล์ เอมาน่า - ซามูเอล เอโต้

:

มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก - คาลิด บูลาห์รูช, อังเดร ออยเยอร์, จอห์น ไฮติงก้า, เอ็ดสัน บราฟไฮด์ - มาร์ค ฟาน บอมเมล, เดมี่ เดอ ซูว์ - อาร์เยน ร็อบเบน, อิบราฮิม อเฟลลาย, เอลเยโร่ เอเลีย - คลาส-ยาน ฮุนเตลาร์

ฮอลแลนด์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะทีมอันดับ 1 กลุ่ม อี หากดึงผลเสมอได้เป็นอย่างน้อย ส่วนแคเมอรูนกระเด็นตกรอบแบบหมดลุ้นหลังพ่ายจากสองเกมแรก ทีมหมอผีจึงลงเล่นเพื่อศักดิ์ศรีก่อนเก็บกระเป๋ากลับบ้านเท่านั้น ด้านฮอลแลนด์อาจพักแข้งตัวหลักบางราย แต่ศักยภาพทีมโดยรวมยังเหนือกว่า ทีมดัตช์ยังลงเล่นด้วยแรงจูงใจมากกว่าจึงน่าจะบดเอาชนะแคเมอรูนไปได้สำเร็จ

ผลการแข่งขันที่คาด : ฮอลแลนด์ ชนะ แคเมอรูน 2-1

1-2

วิเคราะห์บอลคืนนี้

GROUP F
สโลวาเกีย - อิตาลี
วันที่ : 24 มิถุนายน 2553
เวลา : 21:00 น.
ถ่ายทอดสด : ช่อง 3
TEAM TEAM
สโลวาเกีย VS. อิตาลี
วลาดิเมียร์ ไวส์ ยังมีลุ้นที่จะเข้ารอบเช่นกัน หากพาทีมกำชัยในเกมนี้ และหวังให้ นิวซีแลนด์ ไม่ชนะ ปารากวัย โดยเขาอาจปรับเปลี่ยนบางตำแหน่ง หลังทีมทำผลงานได้ไม่ดีนักใน 2 นัดแรก
ด้วย ระบบ 4-4-2 แยน มูช่า ลงเฝ้าเสา มาร์ติน สเคอร์เทล ยืนปราการหลังตัวกลางกับ แยน ดูริก้า แบ็กขวา-ซ้ายเป็น ปีเตอร์ เปคาริค และ มาเร็ค เช็ค
ซเดโน่ สเตอร์บา ปักหลักกลางสนามร่วมกับ มาเร็ค ฮัมซิค ปล่อยให้ลูกชาย วลาดิเมียร์ ไวส์ และ มิโรสลาฟ สต็อช ลากเลื้อยริมเส้น กองหน้าวาง โรเบิร์ต วิตเท็ค จับคู่ล่าตาข่ายกับ สตานิสลาฟ เซสตัค
:
มาร์เชลโล่ ลิปปี้ จำเป็นที่จะต้องเอาชนะให้ได้ หากหวังจะเข้ารอบแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือหากเสมอต้องลุ้นให้ นิวซีแลนด์ แพ้ ปารากวัย หรือเสมอเหมือนกันด้วยสกอร์ที่ต่ำกว่าตัวเอง
นัด นี้จะเปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็น 4-3-3 โดยยังคงไม่มี จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่เจ็บหลัง ส่วน อันเดรีย ปีร์โล่ ฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่คงเป็นสำรองไปก่อน
ผู้ รักษาประตูใช้ เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ เหมือนเดิม แนวรับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ขนาบข้างด้วย จานลูก้า ซามบร็อตต้า และ โดเมนิโก้ คริสชิโต้
ขยับขึ้นมา เจนนาโร่ กัตตูโซ่ จะถูกส่งลงมาช่วย ดานิเอเล่ เด รอสซี่ กับ ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ในแดนกลาง แนวรุก จามเปาโล ปาซซินี่ น่าจะได้ยืนเป็นตัวเป้า แทน อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ที่ยังโชว์ฟอร์มไม่ออก พร้อมมี วินเชนโซ่ ยาควินต้า กับ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ คอยประคองด้านข้าง

แยน มูช่า; ปีเตอร์ เปคาริค, มาร์ติน สเคอร์เทล, แยน ดูริก้า, มาเร็ค เช็ค; วลาดิเมียร์ ไวส์, ซเดโน่ สเตอร์บา, มาเร็ค ฮัมซิค, มิโรสลาฟ สต็อช; โรเบิร์ต วิตเท็ค, สตานิสลาฟ เซสตัค

:

เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ; จานลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, โดเมนิโก้ คริสชิโต้; เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่; วินเชนโซ่ ยาควินต้า, จามเปาโล ปาซซินี่, อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่

ทั้ง สองทีมยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์หากคว้า 3 แต้มจากเกมนี้ ดังนั้นทั้งอิตาลีกับสโลวาเกียจะเปิดเกมรุกแลกหมัดกันเพื่อชัยชนะ ทว่าฟอร์มสองนัดแรกของสโลวาเกียยังขาดความแน่นอน เกมรุกไร้ประสิทธิภาพ ส่วนอิตาลีปรับเปลี่ยนแนวรุกน่าจะดีขึ้นกว่านัดล่าสุดกับนิวซีแลนด์ ทีมอัซซูรี่น่าจะเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าก่อนบดเอาชนะสโลวาเกียคว้าตั๋ว เข้ารอบ 16 ทีมสำเร็จ

ผลการแข่งขันที่คาด : อิตาลี ชนะ สโลวาเกีย 2-0

0-2

สรุปผลบอลโลกวันที่ 23 มิ.ย. 53 คู่3

ออสเตรเลียเศร้าชนะเซอร์เบีย2-1 แต่ตกรอบ

ออสเตรเลีย ลงสนามนัดสุดท้ายของ กลุ่มดี พบกับเซอร์เบีย ณ.สนาม เอ็มบอมเบลา สเตเดี้ยม นัดนี้ออสซี่ตกอยู่ในสถานการ์ณบีบบังคับสุดๆ จำเป็นต้องชนะสถานเดียวและต้องยิงอย่าน้อยๆ 3 ลูกขึ้นไปและลุ้นให้กาน่าแพ้เยอรมันเยอะๆ ถึงจะมีสิทธิ์เข้ารอบดูแล้วโอกาสช่างน้อยนิดจริงๆ

ครึ่งแรกเป็นการเปิดเกมแลกกัน แต่เซอร์เบียเป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าเล็กน้อย และมีโอกาสทำประตูในนาทีที่ 23 แต่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช วอลเลย์ไปติดมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ อย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกเกมยังอยู่ที่ 0-0

ครึ่งหลังเข้าสู่นาทีที่ 69 ออสเตรเลียก็ขึ้นนำเป็น 1-0 จากทิม เคฮิลจุดประกายในออสเตรเลียมีหวังเข้ารอบอีกครั้ง ถัดมาในนาทีที่ 73 เบรตต์ โฮลแมน ก็ยิงประตูที่ 2 ให้กับออสเตรเลีย ร่นระยะห่างกับกานน่เหลือเพียงผลต่าง 2 ประตู แต่แล้วมาร์โก พานเทลิช ก็มาดับฝันของออสเตรเลียในนาทีที่ 85 จากการซ้ำลูกยิงของโซรัน โทซิชที่ปัดออกมาโดยมาร์ค ชวาร์เซอร์ เซอร์เบียตีตื้นขึ้นมาเป็น 1-2 หมดเวลาออสเตรเลียตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

สรุปผลบอลโลกวันที่ 23 มิ.ย. 53 คู่2

เยอรมันเฉือนกาน่า 1-0 จับมือกันเข้ารอบ

กาน่าลงสนามนัดสุดท้ายของกลุ่มดี พบกับอินทรีเหล็กเยอรมัน ณ. สนาม ซ๊อคเกอร์ ชิตี้ สเตเดี้ยม นัดนี้กาน่าขอเพียงยันเสมอก็เพียงพอต่อการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่เยอรมันอาจะไม่สนุกด้วยหลังจากพวกเขาพลาดท่าแพ้ เซอร์เบียมา 1-0 เมื่อนัดที่แล้ว

ครึ่งแรกเกมค่อนข้างเปิดแลกกันอย่างสนุก แต่เยอร์มันเป็นฝ่ายมีโอกาสมากกว่า แต่ยังยิงประตูกันไม่ได้ เสมอกันไปในครึ่งแรก 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลังในนาทีที่ 60 เมซุต โอซิล ก็ทำประตูขึ้นนำจากลูกเตะมุมให้เยอรมันออกนำไปก่อน 1-0 กาน่าแก้เกมโดยการเปลี่ยนตัว ซัลลี่ย์ มุนตารี่ลงมาคุมเกมแดนกลางในนาทีที่ 64 แต่ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้จบเกมเยอรมันเข้ารอบพร้อมกาน่า ด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าออสเตรเลีย

สรุปผลบอลโลกวันที่ 23 มิ.ย. 53

สหรัฐยิงทดเจ็บทำสโลเวเนียตกรอบ 0-1

สหรัฐ ลงสนามในกลุ่ม ซี พบกับแอลจีเรีย ณ.สนาม ลอฟตัส เวิร์สเฟลด์ สเตเดี้ยม เกมนี้แอลจีเรียมีลุ้นได้ต้องล้มยักแถมต้องหวังให้สโลเวเนียล้มยักษ์ด้วย ส่วนสหรัฐน่าจะต้องชนะสถานเดียวแถมต้องยิงเยอะๆด้วย ถึงจะอุ่นใจได้ระดับหนึ่ง

ครึ่งแรกเกมเปิดใส้กันแบบไม่ยั้ง แอลจีเรียเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่านิดหน่อย แต่จังหวะยิงประตูสหรัฐได้ลุ้นกว่าจากคลินท์ เดมพ์ซีย์ในนาทีที่ 21 แต่เป็นลูกล้ำหน้า และยังไม่ประสบผลสำเร็จทั้งคู่ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเกมดันตันๆแล้วทำเหมือนจะจบด้วย 0-0 แต่ เป็นแลนดอน โดโนแวน ยิงประตูดับฝันในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งทั้งแอลจีเรียและสโลเวเนียตกรอบไป แถมอันตาร์ ยาเฮีย ยังโดนสองเหลืองไปอีกตั้งหากจบเกมสหรัฐเข้ารอบไปอย่างเหลือเชื่อ

สรุปผลบอลโลกวันที่ 23 มิ.ย. 53

สโลเวเนียโดนอังกฤษทุบเข้ารอบ 0-1

สโล เวเนียลงสนามนัดสุดท้ายของกลุ่มซี พบกับทีมผู้ดี อังกฤษ ณ. สนาม เนลสัน แมนเดล่า เบย์ สเตเดี้ยม เกมนี้ ทีมอังกฤษต้องชนะเท่านั้นถึงจะอุ่นใจว่าเข้ารอบแน่ เพราะถ้าหาพวกเขาเสมอในเกมนี้ สหรัฐอาจจะเป็นผู้เข้ารอบ 16 ทีมแทนพวกเขาก็เป็นได้

เริ่มครึ่งแรกเกมค่อนข้างเปิดและเป็น อังกฤษที่ได้ลูกขึ้นนำไปก่อนจากเจมส์ มิลเนอร์ จ่ายให้ เจอร์เมน เดโฟยิงเข้าไปในนาทีที่ 23 แต่หลังจากนั้นเกมค่อนข้างจะตันและไม่ค่อยมีโอกาสยิงจะจะ จบครึ่งแรกอังกฤษนำไปก่อน 1-0

ครึ่งหลังมากลับทำอะไรไม่ได้ เกมทำท่าว่าจะจับมือกันเข้ารอบแม้สโลเวเนียจะแพ้แต่อีก สนามหนึง สหรัฐดันยิงนาทีสุดท้ายทำเอา แฟนสโลเวเนียซ๊อคไปตามๆกันและตกรอบไปตามระเบียบ

สรุปผลบอลโลกวันที่ 22 มิ.ย. 53 คู่ 2



อุรุกวัย กลายเป็นแชมป์กลุ่ม เอ รอบแรก ศึกฟุตบอลโลก 2010 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเกมสุดท้ายรอบแรก จัดการเชือด เม็กซิโก 1-0 จากการสังหารของ หลุยส์ ซัวเรซ ช่วยทีมเก็บเพิ่มเป็น 7 แต้ม ขณะที่ เม็กซิโก แม้ว่าจะแพ้ในเกมนี้แต่พวกเขายังสามารถเข้ารอบเป็นที่สองด้วยการมีผลต่าง ประตูได้เสียดีกว่า แอฟริกาใต้ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก 2010

รอบแรก กลุ่ม เอ

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน 2553

เม็กซิโก 0 - 1 อุรุกวัย

สนาม : รอยัล บาโฟเคง สเตเดี้ยม

ฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายของรอบแรกกลุ่ม เอ ระหว่าง เม็กซิโก ปะทะ อุรุกวัย ทั้งสองทีมมี 4 คะแนนเท่ากัน และหากเสมอกันในเกมนี้จะกอดคอเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งคู่
ฮาเวียร์ อกีร์เร่ กุนซือของ "จังโก้" เม็กซิโก มีการปรับมาใช้คู่กองหน้าตัวเก๋าเป็น กิเยร์โม ฟรังโก้ และ เคาห์เตม็อค บลังโก้ แต่ยังมี ราฟาเอล มาร์เกซ สตาร์จาก บาร์เซโลน่า เป็นตัวคุมเกมของทีม
ด้าน "จอมโหด" อุรุกวัย ของกุนซือ ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ ยังใช้สามประสานในแดนหน้าเป็นสามสตาร์ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในเกมที่ถล่มเจ้าภาพ แอฟริกาใต้ 3-0 อย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, เอดิสัน คาวานี่ และ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน
เปิดฉากเริ่มเกมมา 5 นาที กองหลัง เม็กซิโก เกือบมาแจกของขวัญผูกโบให้คู่แข่ง เมื่อสกัดบอลพลาด เปิดโอกาสให้ ซัวเรซ เก็บบอลได้ก่อนลากไปยิงผ่านมือ ออสการ์ เปเรซ ไปแล้ว แต่บอลดันหลุดออกเสาสองไปนิดเดียว
7 นาทีต่อมา ฟอร์ลัน เปิดลูกฟรีคิกกึ่งยิงกึ่งผ่านหวังให้เพื่อนเข้ามาชาร์จ แต่ เปเรซ ตัดสินใจได้ดีออกมาชกบอลออกไปทันที
ผ่านพ้น 20 นาทีแรกของเกมไป ทั้งสองทีมเริ่มกลับมาครองเกมได้สูสี และมามีโอกาสกันคนละครั้ง โดย จอมโหด ได้ลุ้นจาก อัลวาโร่ เปเรยร่า ที่เลี้ยงขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนซัดออกเสาแรกไป ด้าน จังโก้ มาได้เสียวสุดๆจากการลองตั้งป้อมยิงไกลด้วยซ้ายของ เคราร์โด้ ตอร์ราโด้ บอลพุ่งติดไซด์หนีมือ เฟร์นานโด มุสเลร่า ไปชนเสาเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย
ผ่านพ้นครึ่งชั่วโมงมา 4 นาที ดีเอโก้ เปเรซ กองกลางจาก โมนาโก ต้องออกไปรับการปฐมพยาบาลนอกสนาม หลังมีเลือดออกมาจากศีรษะในจังหวะขึ้นไปโขกปะทะกับนักเตะ เม็กซิโก
ทั้งสองทีมพยายามที่จะเดินเกมรุกเข้าหากัน แต่ก็ดูไม่รีบเร่งจังหวะเท่าใดนัก ทว่าก่อนหมครึ่งแรก 2 นาที จอมโหด ก็มาเบิกสกอร์นำไปก่อน จากการเปิดครอสเข้ามาของ คาวานี่ มาที่เสาสองให้ ซัวเรซ วิ่งเข้ามาโขกกดลงพื้นหนึ่งจังหวะเข้าไปตุงตาข่าย อุรุกวัย ขึ้นนำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง เม็กซิโกต้องพยายามตีเสมอให้ได้ เพราะไม่ส่งผลดีถ้าหากอีกคู่ที่เตะพร้อมกัน แอฟริกาใต้เอาชนะฝรั่งเศสได้ จะมีแต้มเท่ากัน ต้องไปวัดกันที่ลูกได้เสีย โดยจังโก้เปลี่ยนตัวเอา อันเดรส กวาร์ดาโด้ ออกแล้วส่ง ปาโบล ปาร์เรร่า ลงแทน

เปิดฉากได้ไม่ ถึงนาที จังโก้ได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 35 หลา บรังโก้ ปั่นบอลมุดเข้าหาประตู แต่ไม่แรงพอ มุสเลร่า รับติดมือไว้ได้สบายๆ
เกมผ่านมาถึงนาที 52 อุรุกวัยเกือบได้เฮ ฟอร์ลัน เปิดฟรีคิกตรงริมเส้นฝั่งขวา บอลพุ่งโด่งมาหน้าประตู ลูกาโน่สะบัดศีรษะโขกเหน่งๆ แต่เปเรซล้มตัวปัดบอล แต่ยังไม่พ้นอันตราย บอลทะลักเข้าทางเปเรยร่า วิ่งเข้ามาซ้ำ แต่ถูกแผงหลังจังโก้ 3 รายบล็อกไว้ทัน
เกมผ่านมาถึงนาที 56 เม็กซิโกเปลี่ยนตัว เอ็คตอร์ โมเรโน่ ออกแล้วส่ง อิสราเอล กาสโตร ลงไปเล่นแทน แต่เกมของจังโก้ในเวลานี้ ตกเป็นรองอุรุกวัย ไม่สามารถพาบอลไปถึงหน้าประตูคู่แข่ง กลับโดนจอมโหดปั้นเกมได้ดีกว่า เม็กซิโกเริ่มทนไม่ไหว
นาที 62 ถอดบรังโก้ออกมาพัก แล้วส่ง ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เอร์นานเดซ ดาวยิงแมนฯ ยูไนเต็ด ตัวใหม่ลงไปกะซวก ถัดมา 2 นาที จังโก้เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ ปาโบล บาร์เรร่า ครองบอลตรงกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วเปิดบอลผ่านมาหน้าประตูให้ โรดริเกซ พุ่งตอร์ปิโดบกระยะเผาขน แต่สะบัดศีรษะแรงไปหน่อย บอลลอยถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
ขุนพลจังโก้ยังสู้ไม่ถอย ต้องการทวงประตูคืนให้ได้ แต่เกมรุกไม่เฉียบขาดพอ บอลไปตายหน้าประตูอุรุกวัยที่หันมาเน้นตั้งรับเป็นส่วนใหญ่
นาที 67 ฮอร์เค่ ฟูซิเล่ ปราการหลังอุรุกวัย เสียฟอร์มเมื่อถูก โดส ซานโต๊ส กระชากบอลหนี จนเกิดอารมณ์ไปดึงเสื้อโดส ซานโต๊ส แทบขาด กรรมการไม่รอช้าชักใบเหลืองเป็นใบแรกของเกม
ผ่านไป 72 นาที เม็กซิโกยังไม่ท้อแม้สถานการณ์ในตอนนี้เริ่มหายใจคล่อง เมื่อฝรั่งเศสยิงตีไข่แตกจี้แอฟริกาใต้ 1-2 ทำให้นักเตะจังโก้ใจชื้น ก้มหน้าก้มตาสู้ต่อไป ผ่านไป 76 นาที อุรุกวัยเปลี่ยนตัวเอา เปเรยร่า ออกแล้วส่ง เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ ลงแทน
ถัดมาไม่ถึงนาที เม็กซิโกพาบอลไปถึงแดนอุรุกวัย ซานโต๊สจับบอลตรงกราบซ้าย แล้วตวัดบอลมาหน้าประตูให้ชิชาริโต้ จิ้มหัวเกือกแต่โดนลูกาโน่แผงหลังอุรุกวัย แหย่สกัดออกไป
นาที 78 ในจังหวะเม็กซิโกเปิดฟรีคิก ชิชาริโต้ไปเหนี่ยวคอสกอตติ แผงหลังอุรุกวัย ในเขตโทษ กรรมการจัดการแจกใบเหลืองใบที่ 2 ให้ดาวยิงจังโก้ทันที
นาที 84 อุรุกวัยเปลี่ยนตัวเอาหลุยส์ ซัวเรซ ออกแล้วส่งกองกลาง เมาริซิโอ วิคตอริโน่ ลงไปเล่น ถัดมาไม่ถึงนาที จังโก้โดนใบเหลืองเมื่อ กาสโตร เปิดปุ่มสตั๊ดใส่ข้อเท้าเปเรยร่า จนร้องจ๊าก
จบ เกมอุรุกวัยชนะ 1-0 จูงมือกันเข้ารอบโดยอุรุกวัยเป็นที่ 1 ของสาย เข้ารอบ 16 ทีมพบที่ 2 สายบี ในวันที่ 26 มิ.ย. ส่วนเม็กซิโก เป็นที่ 2 พบที่ 1 สายบี ในวันที่ 27 มิ.ย.


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เม็กซิโก : ออสการ์ เปเรซ, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, การ์ลอส ซัลซิโด้, ราฟาเอล มาร์เกซ, ริการ์โด้ โอโซริโอ, เคราร์โด้ ตอร์ราโด้, กิเยร์โม ฟรังโก้, เคาห์เตม็อค บลังโก้, เอ็คตอร์ โมเรโน่, โจวานี่ โดส ซานโต๊ส, อันเดรส กวาร์ดาโด้
อุรุกวัย : เฟร์นานโด มุสเลร่า, ดีเอโก้ ลูกาโน่, ฮอร์เค ฟูซิเล่, อันเดรส สกอตติ, เอดิสัน คาวานี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, อัลวาโร่ เปเรยร่า, ดีเอโก้ เปเรซ, มักซี่ เปเรยร่า, อิ๊กนาซิโอ กอนซาเลซ
ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คาสไซ (ฮังการี)






จังหวะ หลุยส์ ซัวเรซ โขกพังประตูชัยให้กับอุรุกวัย



โจ วานี่ โดส ซานโต๊ส ถูกแผงหลังจอมโหดเสียบสกัดบอล



กิ เยร์โม ฟรังโก้ พยายามแตะบอลหลบนายทวารอุรุกวัยเข้าไปยิง แต่ก็ไม่เป็นผล



ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ดวลลูกโหม่งกับ การ์ลอส ซัลซิโด้ กองหลังเม็กซิโก

สรุปผลบอลโลกวันที่ 22 มิ.ย. 53 คู่ 2


"โสมขาว" เกาหลีใต้ ผ่านเข้าสู่รอบ 2 อย่างเฉียดฉิว หลังจากที่เสมอกับ ไนจีเรีย 2-2 แต่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม บี ศึกฟุตบอลโลก 2010 เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม บี
ไนจีเรีย 2 - 2 เกาหลีใต้


สนาม : เดอร์บัน สเตเดี้ยม (เดอร์บัน)

ทีมชาติไนจีเรีย ลงสนามพบ เกาหลีใต้ ในฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่มบี โดยทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะ เพื่อลุ้นเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป แต่โอกาสเข้ารอบของ ไนจีเรีย มืดมิดเต็มที นอกจากชนะ แล้วต้องลุ้นให้ อาร์เจนตินา ปราบ กรีซ ด้วยในวันเดียวกัน ส่วนโสมขาวต้องชนะ แล้วก็ให้ทีมฟ้า-ขาวคว้าชัย พวกเขาถึงจะผ่านเข้ารอบ
สำหรับสถิติการเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีม เจอกันมาแค่ 3 ครั้งเท่านั้น นับจากปี 1872 เป็นต้นมา โดย เกาหลีใต้ ไม่เคยปราชัยเลย เป็นฝ่ายชนะ 2 และเสมอ 1 นัด แมตช์ล่าสุดพบกันในเกมอุ่นเครื่องที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเจ้าถิ่นเอาชนะไปได้ 2-1 เมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี 2001
ลาร์ส ลาเกอร์บัค กุนซือชาวสวีดิชของไนจีเรียไม่มี ซานี่ ไคต้า กองกลางตัวหลักติดโทษแบน ส่วน ไต ตาอิโว่ แบ็กซ้ายและ เอลแดร์สัน เอชิเอจิเล่ กองหลังอีกรายไม่ฟิต มีชื่อเป็นตัวสำรอง ขณะที่ เอ็นวานโก้ คานู กองหน้าวัย 33 ปีสวมปลอกแขนกัปตันทีมนัดนี้ ส่วนโฮห์ จอง-มู กุนซือเกาหลีใต้ส่ง พาร์ค ชู-ยอง กองหน้าจากสโมสรโมนาโก และ พาร์ค ชี-ซอง กัปตันทีมและ กี ซอง-ยง มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 ปี จากกลาสโกว์ เซลติก นำทัพ
เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 2 นาที เกาหลีใต้เกือบได้ประตูนำ เมื่อ ราบิอู อโฟลาบี้ แบ็กซ้ายไนจีเรียเสียบอล และ อี ชอง-ยง มิดฟิลด์โสมขาวแย่งบอลไปได้ ก่อนจ่ายให้ ยอม กี-ฮุน ซัดข้ามคานอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่นาที 12 ไนจีเรียได้ประตูนำ 1-0 ชิดี้ โอดิอาห์ แบ็กขวาโยนบอลจากริมเส้นฝั่งขวาให้ คาลู อูเช่ ยิงระยะเผาขนตุงตาข่าย
และนาที 23 คาลู อูเช่ สตาร์ไนจีเรียซัดฟรีคิกเกือบ 30 หลาข้ามคาน โดยนาทีต่อมา เกาหลีใต้โต้กลับเร็ว พาร์ค ชู-ยอง ได้บอลหลุดเข้าไปซัดหน้าประตูติด วินเซนต์ เอ็นเยียม่า ผู้รักษาประตู
นาที 30 โอกาสเป็นของไนจีเรีย เมื่อ ชิเนดู โอบาซี่ ซัดเต็มเท้าหน้าประตูติด จอง ซอง-รยอง นายทวาร และนาทีถัดมา เอ็นเยียม่า โดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังจากทำฟาวล์ พาร์ค ชี-ซอง กัปตันทีมโสมขาว
ทีมอินทรีย์มรกตน่าได้ประตูที่สอง นาที 36 เมื่อ คาลู อูเช่ ซัลโวระยะไกล 30 หลา แต่บอลดันไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย
มาถึงนาที 38 เกาหลีใต้ตามตีเสมอเป็น 1-1 กี ซอง-ยง เปิดฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปที่เสาสองให้ อี จอง-ซู เซนเตอร์ฮาล์ฟวิ่งเข้ามายิงด้วยเท้าขวาเข้าประตูไป จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง ไนจีเรียเปลี่ยนตัวสำรองส่ง อูวา เอชีชิล ลงเล่นแทน โจเซฟ โยโบ ที่บาดเจ็บ นาที 46
และนาที 49 แดน ชิตตู ทำฟาวล์ พาร์ค ชู-ย็อง ทำให้โสมขาวได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษทางริมเส้นฝั่งซ้าย และเป็น พาร์ค ชู-ย็องอาสายิงฟรีคิกเสียบเสาไกลอย่างสวยงามให้ เกาหลีใต้พลิกกลับมานำ 2-1
ไนจีเรียเปลี่ยนตัวสำรองคนที่สองส่ง โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ เล่นแทน เอ็นวานโก้ คานู นาที 57 และนาที 67 ไนจีเรียน่าได้ประตูในจังหวะโต้กลับเร็วเมื่อ ยุสซุฟ อายิล่า ผ่านบอลในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ยาคูบู ไอเย็กเบนี่ ยิงเผาขนเข้าข้างประตูอย่างน่าเสียดาย
เกาหลีใต้เปลี่ยนตัวสำรองคนแรก ส่ง คิม นัม-อิล ลงเล่นแทน ยอม กี-ฮุน นาที 64
แต่แล้วนาที 69 คิม นัม-อิล ตัวสำรองของโสมขาวทำฟาวล์ ชิเนดู โอบาซี่ ในกรอบเขตโทษ กรรมการ โอเลการิโอ เบนเกเรนก้า จากโปรตุเกสแจกใบเหลืองให้ นัม-อิล และเป่าให้ อินทรีย์มรกตได้ลูกจุดโทษทันที และก็เป็น ยาคูบู ไอเย็กเบนี่ สังหารจุดโทษตุงตาข่ายให้ ไนจีเรียตีเสมอ 2-2
อย่างไรก็ตาม ยาคูบู ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม นาที 70 และเป็น วิคเตอร์ โอบินนา ลงเล่นแทน โดย 6 นาทีต่อมา อี ชอง-ยง มิดฟิลด์โสมขาวได้บอลหลุดเข้าไปซัดที่เสาไกลติด วินเซนต์ เอ็นเยียม่า
นาที 80 ไนจีเรียน่าได้ประตูเมื่อ ชิเนดู โอบาซี่ ทำชิ่งให้ โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ยิงผ่าน จอง ซอง-รยอง นายทวารก่อนบอลผ่านหน้าประตูออกไป หมดเวลาการแข่งขัน ไนจีเรีย เสมอ เกาหลีใต้ 2-2 ส่งผลให้ เกาหลีใต้ เข้าป้ายอันดับ 2 กลุ่มบี ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไปโดยจะพบ อุรุกวัย แชมป์กลุ่มเอ. ที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน ส่วน ไนจีเรีย กระเด็นตกรอบแรก ศึกฟุตบอลโลก 2010
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ไนจีเรีย : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า - ชิดี้ โอดิอาห์, โจเซฟ โยโบ, แดน ชิตตู, ราบิอู อโฟลาบี้ - ชิเนดู โอบาซี่, ยุสซุฟ อายิล่า, ดิ๊คสัน เอตูฮู, คาลู อูเช่ - เอ็นวานโก้ คานู (กัปตันทีม) - ยาคูบู ไอเย็กเบนี่
สำรอง : ออสติน เอจิเด้ (ผู้รักษาประตู), เดเล่ ไอเยนักบา (ผู้รักษาประตู), ไต ตาอิโว่, อูวา เอชีเอชิเล่, เดเล่ อเดเลเย่, จอห์น อูตาก้า, ซานี่ ไกต้า, ลัคมัน ฮารูน่า, โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์, วิคเตอร์ โอบินนา, ปีเตอร์ โอเดมวินกี้, บราวน์ อิเดเย่
เกาหลีใต้ : จอง ซอง-รยอง - ชา ดู-รี, โช ยง-ฮยอง, อี จอง-ซู, อี ยอง-เพียว - อี ชอง-ยง, คิม จอง-อู, กี ซอง-ยง, พาร์ค ชี-ซอง (กัปตันทีม) - ยอม กี-ฮุน - พาร์ค ชู-ยอง
สำรอง : อี วอน-แจ (ผู้รักษาประตู), คิม ยอง-ควาง (ผู้รักษาประตู), คัง มิน-ซู, คิม ดอง-จิน, คิม ฮยุง-อิล, โอ บุม-ซ็อค, คิม นัม-อิล, คิม แจ-ซุง, คิม โบ-คยุง, อาห์น จุง-ฮวาน, อี ดอง-กุ๊ก, อี ซุง-โยล
ผู้ตัดสิน : โอเลการิโอ เบนเกเรนก้า (โปรตุเกส)

สรุปผลบอลโลกวันที่ 22 มิ.ย. 53

"ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า เฉือนเอาชนะ กรีซ 1-0 เก็บ 9 คะแนนเต็ม ซิวแชมป์กลุ่ม บี ผ่านเข้าสู่รอบ 2 ศึกฟุตบอลโลก 2010 เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยจะเข้าไปเจอกับ เม็กซิโก ในวันที่ 27 มิ.ย. นี้


ฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม บี
กรีซ 0 - 2 อาร์เจนติน่า


สนาม: ปีเตอร์ โมคาบา สเตเดี้ยม (โพล็อควาเน่, แอฟริกาใต้)

คู่นี้เป็นการรีแมตซ์อีกครั้ง หลังจาก อาร์เจนติน่า เคยเอาชนะ กรีซ มาได้ขาดลอย 4-0 ในฟุตบอลโลก ปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา โดยครั้งนั้น ดีเอโก้ มาราโดน่า ยังเป็นผู้เล่นและเป็นคนทำประตูที่สี่ในเกมดังกล่าว ซึ่งเป็นประตูสุดท้ายในนามทีมชาติของเจ้าตัวด้วย
เกมนี้ กรีซ ต้องพยายามเก็บชัยให้ได้ หากอยากเข้าสู่รอบสองต่อไป พร้อมต้องลุ้นให้เกาหลีใต้ ทำได้แค่เสมอด้วย โดยขุนพลจากแดนเทพนิยาย ได้
วาน เจลิส โมราส กองหลังหายเจ็บกลับมาช่วยแนวรับที่วางไว้แน่นถึง 5 ราย ส่วนเกมรุกวาง จอร์กอส ซามาราส ยืนเป็นตัวเป้าเพียงคนเดียว
ส่วน "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า เก็บ 6 แต้มเต็มจากสองนัด หากเกมนี้เก็บผลเสมอจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันทีในฐานะแชมป์กลุ่ม บี. แต่ต้องขาด วอลเตอร์ ซามูเอล เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา รวมไปถึง โฮนาส กูเตียร์เรซ วิงแบ็คกราบขวาที่ติดโทษแบน 1 นัด รวมทั้งพัก กาเบรียล ไฮน์เซ่ กับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กัปตันทีมที่มีใบเหลืองพัวพันอยู่เอาไว้ด้วย
แนวรุกพัก กอนซาโล่ อิกวาอีน ดาวซัลโวสูงสุดของเวิลด์ คัพ เวลานี้ 3 ประตู กับ คาร์ลอส เตเวซ แล้วให้โอกาสกับ ดีเอโก้ มิลิโต้ ศูนย์หน้าจากสโมสรอินเตอร์ มิลาน ลงมาล่าตาข่ายกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" และ ลีโอเนล เมสซี่ ที่รับบทบาทกัปตันทีมในเกมนี้ทำให้เจ้าตัวเป็นกัปตันที่อายุน้อยที่สุดใน ประวัติศาสตร์ของทีมฟ้า-ขาว ด้วย
ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้ 10 นาที อาร์เจนติน่า ขึงเกมรุกอยู่ตลอด ลีโอเนล เมสซี่ ทำชิ่งหนึ่ง-สองกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" แต่จังหวะสุดท้ายโดน โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส มาสกัดทิ้งไปได้ทัน
หลังจากนั้น 8 นาที ฟ้า-ขาว ได้ลุ้นครั้งแรกจากจังหวะที่ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน แทงบอลยาวจากกลางสนามให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ วิ่งโฉบไปเอาบอลก่อนกระชากเข้าในเขตโทษด้านซ้ายแล้วสับไกด้วยซ้ายทันทีถูก อเล็กซานดรอส ซอร์วาส นายทวารกรีซพุ่งปัดเอาไว้ได้
ถัดมานาทีเดียว อาร์เจนฯ ได้ลุ้นต่อเนื่องทีเดียว เมื่อ เวรอน ตะบันเต็มหลังเท้าขวาจากระยะ 20 หลากลางประตูบอลจะมุดเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ซอร์วาส ยังพุ่งปัดเอาไว้ได้ด้วยปลายมือ
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 29 คอสตาส คัตซูรานิส กองกลางของกรีซ มาโดนใบเหลืองแรกของเกมหลังไปทำฟาวล์ใส่ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
4 นาทีให้หลัง เป็นโอกาสของอาร์เจนติน่า เมื่อ ดีเอโก้ มิลิโต้ ได้บอลทางขวาก่อนไหลยัดเข้ากลาง ซอร์วาส พยายามปัดแต่ไม่พ้น บอลมาเข้าทาง เซร์คิโอ อเกวโร่ 'กุน' ได้ซัดด้วยขวาเต็มข้อ แต่ยังมี ลูคัส วินตร้า ตามาบล็อคไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ฟ้า-ขาว ได้โอกาสหลายครั้งเริ่มจาก เคลเมนเต้ โรดริเกซ เปิดบอลมาให้ มักซี่ โรดริเกซ แต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนกดด้วยซ้าย แต่ ซอร์วาส ยังปัดออกมาได้ จังหวะต่อมา ลิโอเนล เมสซี่ ได้โอกาสปั่นด้วยซ้ายบอลกำลังจะมุดใต้คานอยู่แล้ว แต่ ซอร์วาส ยังปัดออกหลังไปได้อีก หมดครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง กรีซ เปลี่ยนเอา นิกอส สปิโรปูลอส ลงมาเล่นแทน จอร์กอส คารากูนิส ที่มีอาการบาดเจ็บพร้อมต้องให้ คอสตาส คัตซูรานิส เป็นกัปตันทีมแทน
ขุนพลจากแดนเทพนิยาย เริ่มต้นได้ดี มีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ จอร์กอส ซามราส ได้บอลก่อนยิงหลุดเสาไกลไปในนาทีที่ 48
จากนั้นนาทีที่ 54 กรีซ จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา คอสตาส คัตซูรานิส ที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง โซติริส นินิส กองกลางพรสวรรค์สูงลงมาเล่นแทน แล้วให้ โซติริส คีร์เกียคอส เป็นกัปตันทีมแทน
นาทีต่อมา กรีซ เปลี่ยนเอา วาซิลิส โตโรซิดิส ที่ไม่สมบูรณ์ออกออกแล้วส่ง คริสตอส พัตซัตโซกลู ลงมาเล่นแทน และเป็นการเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบสามรายแล้ว
อาร์เจนฯ ได้ลุ้นอีกครั้ง เคลเมนเต้ โรดริเกซ ลากขึ้นมาทางซ้ายไม่มีใครเข้ามาประกบเลยตัดสินใจยิงด้วยขวาทันทีบอลหลุดเสา แรกไปนิดเดียวเท่านั้นในนาทีที่ 58
เกมของฟ้า-ขาว ยังไม่ดีทำให้ มาราโดน่า เปลี่ยนเอา มักซี่ โรดริเกซ ที่บทบาทน้อยออกแล้วส่ง อังเคล ดิ มาเรีย ลงมากระชากลากเลื้อยแทนในนาทีที่ 63
สี่นาทีให้หลัง อาร์เจนฯ น่าได้จุดโทษเมื่อ โซติริส คีร์เกียคอส ไปดึงเสื้อของ ดีเอโก้ มิลิโต้ ล้มลง แต่ผู้ตัดสินเฉย
ฟ้า-ขาว บดหนักจริงๆ ได้ฟรีคิกระยะไกลร่วม 35 หลา เมสซี่ ปั่นด้วยซ้ายบอลไซด์เข้าหากรอบเล่นเอา อเล็กซานดรอส ซอร์วาส นายทวารกรีซ ต้องลอยตัวปัดทิ้งไป จากลูกเตะมุม เวรอน เปิดมาเสาไกลให้กับ มาริโอ โบลัตติ วอลเลย์ด้วยขวาบอลแรงมากแต่ยังไปตรงตัว ซอร์วาส รับไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อในนาทีที่ 69
กระเถิบมาถึงนาทีที่ 76 อาร์เจนฯ กดดันหนักแล้ว วอร์วาส นายทวารกรีซชกบอลจากลูกเตะมุมออกมาเข้าทางของ โมราส สกัดไม่ดีเกือบจะเด้งเข้าประตูตัวเองไป
นาทีเดียวกันนั้น อาร์เจนติน่า เปลี่ยนเอา ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ กองกลางดาวรุ่งเทคนิคสูงลงมาเล่นแทน เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" โดยในนาทีเดียวกันนี้ มาริโอ โบลัตติ ไปโดนใบเหลืองด้วยจากการทำฟาวล์คู่แข่ง
อารเจนติน่า เดินหน้าบุกแลกมาได้ประตูขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 77 จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย เปิดมุมจากทางซ้ายเข้ามาที่เสาสองให้ มาร์ติน เดมิเคลิส ดันขึ้นมาเทคตคัวโหม่งบอลไปชนตัวของ ดีเอโก้ มิลิโต้ เด้งมาเข้าทางของ เดมิเคลิส วอลเลย์ด้วยซ้ายเปรี้ยงเดียวเสียบตาข่ายแทบขาดให้ฟ้า-ขาว นำก่อน 1-0
จากนั้นนาที 80 ฟ้า-ขาว เปลี่ยนตัวเป็นคนสุดท้ายให้ มาร์ติน ปาแลรืโม่ หัวหอกลายครามวัย 36 ปี ลงมาเล่นแทน ดีเอโก้ มิลิโต้ ที่เล่นไม่ออกเลยในเกมนี้
ช่วงนาทีที่ 89 ฟ้า-ขาว มาได้ประตูย้ำชัยชนะ จากจังหวะที่ เมสซี่ ซัดจากหน้ากรอบเขตโทษ อเล็กซานดรอส ซอร์วาส นายทวาร กรีซ ปัดมาเข้าทาง มาร์ติน ปาแลร์โม่ ซ้ำเข้าไป จบเกม อาร์เจนติน่า เอาชนะ กรีซ ไป 2-0 เก็บชัยเป็นนัดที่สามติดต่อกัน เป็นทีมแรกในทัวร์นาเม็นท์นี้ คว้าแชมป์กลุ่ม บี. เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเจอ เม็กซิโก รองแชมป์กลุ่ม เอ. ต่อไป ที่สนามซอคเกอร์ ซิตี้, โจฮันเนสเบิร์ก วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน นี้
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
กรีซ: อเล็กซานดรอส ซอร์วาส - ลูคัส วินตร้า, อัฟราม ปาปาโดปูลอส, โซติริส คีร์เกียคอส, วานเจลิส โมราส, วาซิลิส โตโรซิดิส - จอร์กอส คารากูนิส (กัปตันทีม), โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, คอสตาส คัตซูรานิส, อเล็กซานดรอส ซิโอลิส - จอร์กอส ซามาราส
สำรอง: คอนสแตนตินอส ชัลคิอัส (ผู้รักษาประตู) - มิชาลิส ซิฟาคิส (ผู้รักษาประตู) - คริสตอส พัตซัตโซกลู, นิกอส สปิโรปูลอส, สเตลิออส มาเลซาส, จอรืกอส ไซตาริดิส, โซติริส นินิส, อันเจลอส ชาริสเตอัส, ปานเตลิส คาปาเตนอส, เธโอฟานิส เกคาส, ดมิทริส ซัลปินจิดิส
อาร์เจนติน่า: เซร์คิโอ โรเมโร่ - นิโคลัส โอตาเมนดี้, มาร์ติน เดมิเคลิส, นิโคลัส บูร์ดิสโซ่, กเลเมนเต้ โรดริเกซ - ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, มาริโอ โบลัตติ, มักซี่ โรดริเกซ - ลิโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), ดีเอโก้ มิลิโต้, เซร์คิโอ อเกวโร่ 'กุน'
สำรอง: มาเรียโน่ อันดูฮาร์ (ผู้รักษาประตู) - ดีเอโก้ โปโซ่ (ผู้รักษาประตู) - กาเบรียล ไฮน์เซ่, วอลเตอร์ ซามูเอล, อาเรียล การ์เซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ฮาเวียร์ ปาสตอเร่, อังเคล ดิ มาเรีย, มาร์ติน ปาแลรืโม่, กอนซาโล่ อิกวาอีน, คาร์ลอส เตเวซ
ผู้ตัดสิน: ราฟชาน เออร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สรุปผลบอลโลก 22 มิ.ย. 53



ช็อก "ตราไก่" ฝรั่งเศส ล่วงตกรอบแรกตามเจ้าภาพ แอฟริกาใต้ หลังพ่ายให้เจ้าภาพไปแบบหมดท่า 1-2 หลังเม็กซิโกผ่านเข้ารอบเป็นที่ 2 เพราะประตูได้เสียดีกว่าเจ้าภาพ และเป็นสถิติใหม่ที่เจ้าภาพฟุตบอลโลกต้องร่วงตกรอบในรอบแรก เป็นครั้งแรกที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกเกิดขึ้น



ฟุตบอลโลก 2010

รอบแรก นัดสุดท้าย

กลุ่ม เอ

ฝรั่งเศส 1 - แอฟริกาใต้ 2


สนาม : ฟรี สเตท สเตเดี้ยม, บลูมฟองเทน

เกมสำคัญของทั้งฝรั่งเศสและ แอฟริกาใต้ เจ้าภาพ ที่ต้องเก็บชัยชนะด้วยสกอร์มากๆ และลุ้นผลอีกคู่ไม่ให้เสมอกัน ถึงจะมีลุ้นแซงเข้ารอบ แต่ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องรอปาฏิหาริย์ทั้งคู่
ตราไก่ปรับทัพถึง 6 ตำแหน่ง เฌเรมี่ ตูลาล็อง ติดโทษแบน ส่วน ปาทริซ เอวร่า กัปตันทีม เป็นสำรอง หลังมีปัญหากับนักกายภาพ และเป็นแกนนำประท้วงไม่ลงซ้อมเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนหน้านี้ก็ไล่ นิโกล่าส์ อเนลก้า กลับบ้านไปก่อนแล้ว
เกมนี้ อาลู ดิยาร์ร่า เป็นกัปตันทีมแทน เซบาสเตียง สกิลลาซี่, กาแอล กลิชี่, โยอันน์ กูร์กคุฟฟ์, ฌิบริล ซิสเซ่ และ อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก ได้โอกาสลงตัวจริงทั้งหมด
ทางฝั่ง บาฟาน่า บาฟาน่า ก็ปรับระบบมาเล่น 4-4-2 และปรับ 5 ตำแหน่ง อิตูเมเล็ง คูเน่ กับ คากิโช่ ดิคคาชอย ติดโทษแบนทั้งคู่ ส่ง โมเอนีบ โจเซฟส์ ลงเฝ้าเสาแทน ที่เหลือ อาเนเล่ เอ็งคองก้า, บองกานี่ คูมาโล่, ธานดูยิเซ่ คูโบนี่ และ เบอร์นาร์ด พาร์เกอร์ ได้ลงตัวจริง
เริ่มเกมขึ้นมา 3 นาที ตราไก่ได้โอกาสทักทายแบบงามๆ ก่อน เมื่อ อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้ว แต่ดันแปด้วยเท้าขวาบดไปเข้ามือ โจเซฟส์ ไม่ยากเย็นนัก
หลังจากนั้น แอฟริกาใต้เริ่มตั้งเกมได้ และทำเกมบุกได้ดีขึ้น จนนาทีที่ 20 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า เปิดด้วยซ้าย อูโก้ โยริส ออกมาตัดบอลพลาด ข้ามไปตกที่ บองกานี่ คูมาโล่ ขึ้นโหม่งแต่บอลไปโดนแถวๆ ต้นแขนเข้าประตูไป
บาฟาน่า บาฟาน่า เกือบได้ลูกสองในนาทีที่ 24 จากลูกทุ่มกลางสนาม คาทเลโก้ เอ็มฟีล่า รับบอลแล้วลากขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะตะบันด้วยเท้าขวาระยะ 20 หลา หลุดเสาออกไปไม่มาก
สถานการณ์ของฝรั่งเศสย่ำแย่เข้าไปอีก เมื่อต้องเหลือ 10 คน ในนาทีที่ 25 โยอันน์ กูร์กคุฟฟ์ ขึ้นโหม่งพร้อมกับ แม็คเบธ ซิบาย่า แล้วยกแขนขึ้นไปกระแทกหน้า ทำให้ ออสการ์ รูอิซ ผู้ตัดสินชาวโคลอมเบีย ตัดสินใจชูใบแดงไล่กูร์กกุฟฟ์
นาทีที่ 34 เจ้าภาพมาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายข้ามกำแพง แต่ก็ข้ามคานออกไปด้วย
แอฟริกาใต้ เริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว เมื่อได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 37 เซโป มาซิเลล่า ลุยขึ้นมาในเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วเปิดยัดให้ คาทเลโก้ เอ็มฟีล่า บอลพันแข้งพันขา แต่ กาแอล กลิชี่ ก็สกัดวืดวาด เอ็มฟีล่าเลยยิงจ่อๆ หลาเดียวไม่เหลือ
นาทีถัดมา กองเชียร์เจ้าถิ่นต้องเฮเก้อ เมื่อเกือบได้เม็ดสามติดๆ เบอร์นาร์ด พาร์เกอร์ เกี่ยวบอลติดแล้วแปเน้นๆ ผ่านโยริสเข้าไป แต่มีธงล้ำหน้ายกขึ้นจากผู้ช่วยผู้ตัดสิน
ตราไก่จะขอประตูคืนบ้าง ฟร้องค์ ริเบรี่ ปั่นฟรีคิกเน้นๆ ในนาทีที่ 40 แต่โจเซฟส์ ปัดข้ามคานออกไปได้ จบครึ่งแรก แอฟริกาใต้นำ 2-0
ครึ่งหลัง ฝรั่งเศส ปรับทัพด้วยการส่ง ฟลอร็องต์ มาลูด้า ลงไปแทน อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก
นาทีที่ 51 แอฟริกาใต้ น่าได้ประตูที่สามอย่างที่สุด เมื่อ ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า แทงบอลให้ คาทเลโก้ เอ็มฟีล่า สอดหนี บาการี่ ซาญ่า ไม่ล้ำหน้า ก่อนแปผ่าน โยริส ไปชนเสาออกหลัง
ตราไก่ ต้องเปลี่ยนตัวที่สองในนาทีที่ 55 ส่ง เธียร์รี่ อองรี ลงแทน ฌิบริล ซิสเซ่ เป็นการลงเล่นนัดที่ 17 ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ทำสถิติสูงสุดเทียบเท่า ฟาเบียง บาร์กเตซ ด้วย
เจ้าถิ่นพยายามบุกเอาประตูที่สามให้ได้ นาทีที่ 57 คาทเลโก้ เอ็มฟีล่า กองหน้าตัวเก่ง ตะบันด้วยขวาเต็มเหนี่ยวจากระยะ 20 หลา แต่ โยริส ปัดออกหลังไปได้
ฝรั่งเศส มาเบิกประตูแรกในศึกฟุตบอลโลกหนนี้จนได้ในนาทีที่ 70 ไล่สกอร์ขึ้นมาเป็น 1-2 เมื่อ ฟร้องค์ ริเบรี่ หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วเปิดบอลผ่าน โจเซฟส์ ไปให้ มาลูด้า ที่ยืนรออยู่หน้าประตู แปด้วยขวาเข้าไปโล่งๆ
แต่ก็ทำได้แค่นั้น จบเกม แอฟริกาใต้ เฉือนชนะ ฝรั่งเศส ไปได้ 2-1 กอดคอกันตกรอบแรกทั้งคู่ แม้เจ้าภาพจะมี 4 แต้มเท่ากับเม็กซิโก แต่ประตูได้เสียสู้ไม่ได้


ผู้เล่นทั้งสองทีมที่ลงสนาม
ฝรั่งเศส :
อูโก้ โยริส (1), บาการี่ ซาญ่า (2), วิลเลี่ยม กัลลาส (5), กาแอล กลิชี่ (22),โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ (8), ฌิบริล ซิสเซ่ (9), อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก (11), เซบาสเตียง สกิลลาซี่ (17), อาลู ดิยาร์ร่า (18), อาบู ดิยาบี้ (19), ฟร้องค์ ริเบรี่ (7)

แอฟริกาใต้ : ชู-ไอบ์ วอลเตอร์ส (1), เซโป มาซิเลล่า (3), อารอน โมโคเอน่า (4), ลูคัส ธวาล่า (5), แม็คเบธ ซิบาย่า (6), ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า (8), คาทเลโก้ เอ็มฟีล่า (9), สตีเว่น พีนาร์ (10), เซอร์ไพรส์ โมริรี่ (17), บองกานี่ คูมาโล่ (20), ธานดูยิเซ่ คูโบนี่ (23)




บอง กานี่ คูมาโล่ วิ่งเฮหลังพังประตูขึ้นนำให้กับแอฟริกาใต้



ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ (ขวา) ออกจากสนาม



เธียร์รี่ อองรี ถูกส่งมาในครึ่งหลัง แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมตราไก่พลิกสถานการณ์ได้



นัก เตะทีมชาติฝรั่งเศสโบกมือลาแฟนบอลหลังจบเกม